รองผบช.น. สั่ง 8 พ.ค.จับจริง"ผู้ขับขี่โทรฯขับ"โทษปรับ 400-1,000 บาท ตั้งกล้องวงจรปิด 30 แยกทั่วกรุงจับตา ถ้าพบทำผิดส่งหมายเรียกตรงถึงบ้านพร้อมตรวจจับตีนผีซิ่งฝ่าไฟแดง
พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ( รอง ผบช.น.) รับผิดชอบงานด้านจราจร เปิดเผยความคืบหน้าการบังคับใช้กฎหมายห้ามโทรศัพท์ขณะขับรถซึ่งมีผลบังคับใช้วันที่ 8 พฤษภาคมนี้ว่า เป็นกฎหมายใหม่ที่นำมาบังคับใช้โดยห้ามไม่ให้ผู้ขับขี่รถใช้โทรศัพท์มือถือพูดคุยขณะขับรถ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่8) พ.ศ. 2551 มาตรา 43 (9) ห้ามมิให้ผู้ขับรถในขณะที่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนา โดยที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น
หากผู้ใดฝ่าฝืนถือว่ามีความผิดมาตรา 157 ผู้ผ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรา 43 (9) ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 400-1,000 บาท โดยไม่ต้องกลัวว่าตำรวจไม่เห็นเพราะมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด ตามแยกต่างๆ ไว้แล้วรวม 30 แยกหลัก อีกทั้งยังใช้สำหรับการตรวจจับผู้มักฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรด้วย หากตรวจพบจะมีการส่งหมายเรียกไปถึงบ้านให้มารับทราบข้อกล่าวหา
รองผบช.น. กล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ทำหนังสือสั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร บก.น.1-9 และ บก.จร. แล้วให้ศึกษาข้อกฎหมายอย่างละเอียดถี่ถ้วนในระหว่างที่ยังไม่มีการบังคับใช้ และให้ทุกสน.ประชาสัมพันธ์ถึงอันตรายของการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ โดยเน้นการปลูกสร้างจิตสำนึกของผู้ใช้รถใช้ถนนให้คำแนะนำก่อนในระยะนี้ และให้การจับกุมเป็นมาตราการสุดท้ายที่จะนำมาบังคับใช้
อย่างไรก็ตามได้ให้นโยบายไว้ว่า หากตรวจพบผู้ขับขี่มีการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถยนต์หรือขี่จักรยานยนต์ซึ่งเป็นเหตุซึ่งหน้าและก่อให้เกิดอุบัติเหตุให้ดำเนินการจับกุมในทันที แต่ต้องใช้ความละมุนละม่อมอย่างที่สุด และอยากให้ประชาชนเคารพกฎหมายไม่ต้องคอยหลบหลีกเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงแค่นำอุปกรณ์เสริมเข้ามาใช้ให้ถูกต้องเพื่อลดอุบัติเหตุ ตำรวจไม่อยากให้ใครต้องถูกจับ
ที่มา คมชัดลึก
วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2551
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น