วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

อ่านให้จบ เรื่องน่ากลัวที่ สำคัญมากๆ ระวังตัวบ้างนะ !!!!!

ผมเองก็มีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกันครับ เหตุเกิดตอนประมาณ
21.00 ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ผมเป็นคนที่สังเกตุสิ่งต่างๆรอบตัวอยู่เสมอ
ดังนั้นหากมองเผินๆเหมือนกับว่าผมเดินไปดื่มน้ำในมือไปเรื่อยเปื่อย
สิ่งที่ผมรู้สึกก็คือ รู้สึกว่ามีคนเดินตามผมห่างๆแต่ผมยังไม่คิดอะไรในทีแรก
เพราะคงเป็นผู้มาใช้บริการที่จอดอยู่ชั้นเดียวกัน
อีกอย่างที่รถที่จอดชั้นเดียวกับผมนี้ยังค่อนข้างเยอะ

บังเอิญว่าผมอยากจะทิ้งแก้ว น้ำในมือก็เลยมองหาถังขยะ
ซึ่งมันไม่ค่อยมีหรอกตามที่จอดรถ
เพราะทางศูนย์การค้าพวกนี้เค้ากลัวเรื่องการลอบวางระเบิด
ระหว่างที่ผมเดินหาที่ทิ้งในดวงใจอยู่นั้น
ผมก็เดินเลยที่จอดรถตัวเองไปหลายคันเหมือนกัน แต่ก็ไม่มี
จะทิ้งมั่วๆมันก็น่าเกลียด
ก็ตัดสินใจว่าเอาไปไว้ตรงที่วางแก้วในรถก่อนก็ได้ว่ะ
( ซึ่งตลอดเวลาไอ้บ้านี่ก็ยังเดินตามผมอยู่)
พอหมุนตัวจะกลับมาที่รถตัวเอง ไอ้บ้านี่มันก็ทำเป็นเดินให้เลยผมไปก่อน
แล้วก็หยุดเหมือนมองหารถมันว่าจอดไหน ไอ้ช่วงที่หมุนตัวกลับมานี่เอง
ที่ผมเห็นมันชัดๆว่า สภาพมันไม่ใช่ลักษณะคนขับรถเก๋งแน่นอน
คือมันมีสายร้อยกุญแจแบบ Flex( สายที่วนๆคล้ายสปริง)กับกุญแจดอกเดียว
ใส่แจ๊คเก็ตสีดำ แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าเป็นผู้ไม่หวังดีรึเปล่า
ก็เลยแกล้งทำเป็นเดินเลยรถตัวเองอีกสักสี่ห้าคัน
แล้วไปหยุดทำท่าทางจะไขกุญแจรถคันหนึ่ง ซึ่งมันก็รีบเดินตามกลับมา
คงกลัวว่าจะไม่ทันเดี๋ยวผมขึ้นรถไปเสียก่อน
แต่ผมก็ทำทางเป็นเปลี่ยนใจอีกครั้งมองหาที่ทิ้งแก้วน้ำ
แล้วเดินสวนกับมันในระยะที่ปลอดภัยสำหรับผมเอง
แต่เป็นอันตรายสำหรับมันเพราะผมก็พร้อมอยู่แล้ว
แน่นอนว่าผมเดินกลับไปหารถผมเองอย่างแท้จริง ซึ่งคราวนี้มันหลงกลผมเต็มๆ
เพราะมันไปยืนอยู่ท้ายรถขับที่ผมทำท่าจะไขประตู
มันไปยืนแบบแอบๆเพราะเดี๋ยวผมต้องกลับมาแน่นอน
แต่คราวนี้ผมเดินไปปั๊บ กดรีโมทปุ๊บ ขึ้นรถได้ผมก็สตาร์ทเครื่อง
กดเซ็นทรัลล็อค ขณะที่ผมขับออกไป ผมมองไปที่มันซึ่งกำลังทำหน้างงๆ
แต่ไม่กล้ามองแบบเต็มๆนัก เห็นหน้าตามันเหวอๆ
ผมก็เลยคิดว่ายังไงต้องแจ้ง ร.ป.ภ. ไว้ก่อน
ไม่ว่ามันจะใช่อย่างที่ผมคิดหรือไม่ก็ตามแต่เพื่อความปลอดภัยของคนอื่นๆ
ผมขับเลยไปจอดตรงที่คืน บัตรจอดรถ แล้วแจ้งทางเจ้าหน้าที่ห้าง
รวมทั้งนำเจ้าหน้าที่ 4 คนไปเองด้วย
เพราะผมรู้อยู่คนเดียวนินา ไปเจอมันผลุ๊บๆโผล่ๆอยู่
ทางเจ้าหน้าที่จึงตรงเข้าไปสอบถามว่า ทำอะไร
มันตอบว่าไงรู้ไหมครับ.. .... มันมาซื้อของแต่จำไม่ได้ว่าจอดรถไว้ตรงไหน
แต่พอสักไปสักมาว่ารถยี่ห้ออะไร ทะเบียนอะไร มันก็อึกอักตอบมาว่า
มันนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เอามอเตอร์ไซด์มา มั่วๆแล้วก็แถ
พอเจ้าหน้าค้นตัวก็พบมีดปอกผลไม้หนึ่งเล่ม ทีนี้หน้ามันซีดอย่างชัดเจน
ที่จริงหน้าผมก็ซีดครับ
ผมก็เลยบอกให้เจ้าหน้าที่คุมตัวแล้วแจ้งตำรวจเพื่อขยายผลต่อไป......
ต้องระวังนะครับ อย่าประมาทเด็ดขาด ถ้าเป็นสุภาพสตรี อย่าลีลาอย่างผม
เพราะไม่คุ้มแน่นอนถ้าเราพลาด
เป็นห่วงทุกคนนะครับ
โจ

เพื่อนๆ ฺ BTsec ทุกท่าน
อ่านเรื่องข้างล่างแล้วระวังตัวให้มากๆนะคะ
เพราะพี่ต่อก็เคยโดนลักษณะเดียวกัน โดยขับรถกลับ
บ้านตนเดียวประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ พอเข้าซอยรู้สึกว่ามีรถมอเตอร์ไซด์ขับตามมา
และแล้วเข้าซอยเดียวกัน และตามมาเรื่อยๆ
พอพี่ต่อจอดรถหน้าบ้านเขาก็ขับเลยเข้าไปในซอยซึ่งเป็นซอยตัน
และเลี้ยวกลับมาจอดอยู่ใกล้ๆ
และลงมาเปิดประตูข้างคนขับที่พี่ต่อนั่งอยู่
พอดีคอยระวังอยู่แล้วและคอยมองอยู่ และรถก็ล็อคอยู่
เขาจึงเปิดไม่ได้
แต่ทำท่าบุ้ยใบ้ให้เราเปิดประตูเหมือนจะถามอะไร
พี่ต่อก็เลยบีบแตรดังมากๆหลายครั้ง แล้วโบกมือให้รู้ว่าไม่เปิด
พอดีแม่บ้านเดินมาที่ประตู เขาก็รีบเดินไปขึ้นรถขับออกไป
ทั้งหมดนี่เกิดขึ้นเร็วมากนับจากที่จอดรถหน้าประตูบ้าน ประมาณ 2-3 นาทีเท่านั้น
ปกติเมื่อถึงบ้านพี่ต่อจะบีบแตรแล้วเปิดประตูเพื่อส่งกุญแจประตูใหญ่ให้แม่บ้านไขประตูให้
พอดีวันนั้นมองมอเตอร์ไชด์คันนี้อยู่เลยยังไม่ได้กดแตร
เขาอาจจะคิดว่าเราจะลงจากร ถมาเปิด
ประตูบ้านเองก็ได้
ไม่อยากคิดเลยว่าถ้ารถไม่ได้ล็อคอยู่จะเกิดอะไรขึ้น ต่อให้หน้าบ้านเราเอง
พวกมิจฉาชีพพวกนี้จะลงมือเร็วมาก
คนมาช่วยก็อาจช่วยไม่ทัน
ดังนั้น ขอย้ำให้ระมัดระวัง มากๆ
เพราะเหตุการณืประเภทนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก และขอให้ทุกคนปลอดภัยนะคะ
ฌลาวิภา เมฆใจดี

เรื่องสำคัญมากๆ
ระหว่างที่รถผมหยุดรอไฟเขียว มีชาย 2 คนเดินมาข้างหลัง
ทั้งคู่กระตุกประตูหลังคนละข้าง
โชคดีที่ประตูล๊อกอยู่ 1 ใน 2 คนนั้นพยายามดึงแรงขึ้นอีก
แล้วทั้งคู่ก็เดินเร็วผ่านรถผม
แล้วปนไปในฝูงชน เดี๋ยวนี้ เหตุร้ายเกิดได้ตลอดไม่ว่ามืดหรือสว่าง
เราคงต้องระวังอย่าเผลอเชียวละ
เหตุการณ์ที่ 1
ภรรยาผม จะมีนิสัยเมื่อขึ้นรถแล้วต้องกดเซนทรัล ล๊อคทั้งก่อนสตาร์ทเครื่องและก่อนดับเครื่อง
มีรถเก๋งคันหนึ่งสีเงิน มีคนสองคนเดินลงมาจากรถแล้วก็เดินมาที่รถของเราอย่างสุภาพ
ขณะที่ภรรยาผมกำลังเล่นกับลูกอยู่ เพลินๆ ก็ได้ยิน เสียงตึ๊กจากข้างหลัง
ภรรยาผมก็ตกใจรู้สึกตัวว่ามีคนพยายามเปิดประตูหลังของรถเรา
แต่เพราะรถล๊อคพวกเขาก็เดินกลับ ไปขึ้นรถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตอนที่ภรรยาผมเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง ผมคิดว่าเหลือเชื่อจริงๆ กลางวัน แสกๆ แท้ๆ
ถ้าหากบังเอิญรถไม่ได้ ล๊อค ผมไม่กล้าคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
อยากจะให้ทุกคนมีนิสัย ขึ้นรถต้องล๊อครถ
พวกผู้้ชายมักจะลงมือจากเบาะหลัง เพราะจะควบคุมสถานการณ์ได้ง่าย
เหตุการณ์ที่ 2
หลังจาก พ่อและแม่ผม จ่ายเงินค่าจอดรถเลี้ยวออกจากโรงพยาบาล ก็จอดติดไฟแดง
ขณะนั้น ( ยังไม่ ถึง 3 นาที ระบบล๊อคอัตโนมัติคงยังไม่ทำงาน )
ชายหนุ่ม สองคนก็เข้ามานั่งที่เบาะหลังของรถ
โชคดีที่พ่อแม่ของผมไหวตัวเร็วมาก
รีบถอดเข็มขัดนิรภัย ดับเครื่อง ดึงกุญแจออกแล้วออกมายืนนอกรถโดยเร็ว
คนทั้งสองคนนั้นก็ยังนั่งอยู่ในรถหน้าตาเฉย
จนกระทั่งคุณแม่ของผมตะโกนใส่พวกเขาว่า
พวกเรายังมีเพื่อนฝูงอยู่ในโรงพยาบาลอีกเยอะ
จะให้ เรียกพวกเขาลงมาคุยกับพวกแกไหม ?
พวกเขาจึงออกมาจากรถแล้วบอกว่าขอโทษขึ้นผิดคัน ( นี่มันปล้นกันชัดๆ)
แล้วรถคันข้างหลัง ( มีคนอยู่ในรถสองคน) ก็ขับมารับพวกเขาจากไป
น่ากลัวที่สุด
เหตุการณ์ที่ 3
ตอนจอดติดไฟแดง รถของผมอยู่ห่างจากทางแยกประมาณคันที่สามหรือสี่
สักครู่ หนึ่ง จู่ ๆ ก็มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจอดอยู่ท้ายรถผม
บนรถมีชายหนุ่มอายุ ประมาณ 20 กว่า สองคน
แล้วที่น่าสงสัยก็คือ พวกเขาพยายามมองเข้ามาในรถของผม
ผมจึงจ้องพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง
พอไฟเขียวก็ออกรถพร้อมมัน
ผมบังเอิญได้ยินหนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า ' รถมันล๊อคหมด ' แล้วก็ขับเลยไป
ขอให้ช่วยกัน Forward มากๆทั้งชายทั้งหญิงนะคะ
ส่งแค่คนสองคนก็ได้บุญแล้วค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น: